วันจันทร์ที่ 11 กันยายน พ.ศ. 2560

รีวิวหนังสือ - Mind Gym

 Mind Gym : จิตวิทยาการกีฬาสร้างพลังใจ เพื่อความสำเร็จ

ซื้อมาเมื่อวันที่ 17 ก.พ. 2560 จาก Kinokuniya สาขา Emquartier ในหมวดหนังสือกีฬา แต่กว่าจะอ่านจบครบเล่มก็ล่อไปต้นสิงหา 

เวลาเดินเข้าร้านหนังสือ มุมหนังสือกีฬา กับสุขภาพนี่ไม่เคยพลาด อ่านรู้เรื่องบ้าง ไม่รู้เรื่องบ้างก็ขอให้ได้หยิบดู และบางทีก็เดินไปควักเงินจ่ายซะงั้นนน 

ช่วง ปลายปี 2559 ถึง ต้นปี 2560 น่าจะเป็นเทรนด์ของหนังสือ anatomy เพราะเห็นออกมากันจัง ออกมาเยอะจนงงว่าของใครเขียนดีกว่ากัน โดยเฉพาะในมุมองของคนที่ไม่ได้เรียนหมอ แต่อยากจะรู้พอๆ กับหมอ 555 (เอาเป็นว่ามีเหมือนกัน และมีมากกว่า 5 เล่ม) ส่วน Mind Gym ที่กำลังจะพูดถึงนี้ ก็หยิบมาดูหลายครั้งแล้ว กว่าจะตัดสินใจซื้อมาได้ก็รีๆ รอๆ จนเหมือนจะไม่เหลือให้ซื้อนั่นแหละ ถึงจะตัดใจเอามา

พอได้อ่านแล้ว Wording สรุปเนื้อหาสั้นๆ ตอนท้ายของแต่ละบทค่อนข้างโดนใจอยู่ 

Part ของหนังสือเล่มนี้ ไม่ได้ใช้ภาษาที่บอกตรงๆ แต่ถ้าเปรียบเทียบกับการแข่งขัน การแบ่งส่วนหลักๆ ของหนังสือนี่ เริ่มตั้งแต่การฝึกซ้อม จนถึงช่วงเวลาในสนามแข่งขัน

แต่สาระของทั้งเล่มที่สรุปมาได้ง่ายๆ เลยก็คือ การควบคุมใจตัวเองได้ สะกดจิตตัวเองให้เห็นภาพความสำเร็จก่อนที่จะลงมือทำ และการควบคุมสติในทุกสถานการณ์ให้เป็น ยิ่งเก่ง ยิ่งดัง ยิ่งต้องมีสติในการคุมทั้งเกมและอารมณ์ของตัวเอง รวมทั้งการ "แพ้ให้เป็น"



อ้างอิงทางการ : Gary Mack, 2002. Mind Gym: An Athlete's Guide to Inner Excellence. 1 Edition. McGraw-Hill Education.

วันศุกร์ที่ 1 กันยายน พ.ศ. 2560

Don't Try This at Home !!

ถ้าพูดถึง Pinterest ตอนนี้คงมีน้อยคนที่จะไม่รู้จัก ใช้แรกๆ จะสับสนพอสมควร ซึ่งใช้ไปสักพัก ระบบจะเลือกสิ่งที่น่าสนใจ มาให้แล้วเก็บไว้ดูได้โดยไม่ต้องโหลดมาเก็บให้เกะกะเมม แต่... วันนี้ ไม่ได้มาพูดถึงเทคโนโลยีค่ะ เราจะมาพูดถึงการออกกำลังกายคร่ะ 555

อยากสวย อยากผอม อยากหุ่นดี แบบสุขภาพดี แต่ไม่ลงทุนไปหาคนที่รู้จริงมาช่วย ก็คงจะเห็นผลหรอก... เอาเป็นว่าขอมาแนะนำเบื้องต้นว่าอยากสุขภาพดีแบบขี้งก ต้องทำยังไงบ้างดีกว่า...

เอาตัวอย่างของการดูเค้าแล้วมาฝึกเองมาให้ดู... สาวๆ กลุ่มนี้หาภาพที่สอนดัดตัวจาก Pinterest มาลองทำ ซึ่งเรื่องของการดัดตัวให้ได้ผล ต้องใช้คนที่มีความรู้มาช่วย ไม่ว่าจะช่วยจัดท่าให้ถูกต้อง หรือการช่วยเพิ่มความอ่อนตัว ซึ่งถ้าคนที่มาช่วยไม่มีความรู้เกี่ยวกับร่างกาย ตำแหน่งเส้นประสาท เส้นกล้ามเนื้อไม่แม่น นี่ถือว่าอันตรายมากๆ แต่เท่าที่ดูจากชื่อกลุ่มก็พอเดาได้ว่ามีพื้นฐานกันมาบ้างแล้วพอสมควรเลย แต่ก็เสี่ยงอยู่ดีกับท่าดัดหลัง...


กลุ่มท่าแรก ที่เป็นท่าฉีกขาไปหน้า-หลัง


อันนี้สาวๆ เค้าลองแล้วได้ผล ซึ่งเท่าที่ดูไม่ใช่ท่าที่เสี่ยงอะไร ใครอยากลอง เอาไปทำตามได้ แต่จำไว้ว่า ก่อนจะเริ่มต้นการยืดหนักๆ แบบนี้ ก็ต้องมีการอบอุ่นร่างกายด้วยเหมือนกัน >> ไปวิ่งมาสัก 100 เมตร หรือ กระโดดเชือกสัก 2-3 นาที ก็ได้ แล้วค่อยมาทำตามไปทีละท่า ยกเว้นอันสุดท้ายที่กรุณาทำตามอย่างระมัดระวัง... ส่วนมากที่ลงกันได้เพราะบิดสะโพกทั้งนั้น บิดมาก บิดน้อยก็แล้วแต่ พยายามเลี่ยง และให้คนช่วยดูให้จากมุมสูง ว่าตรงมั้ย เพราะถ้าเอียง ร่างกายจะจำไปแบบนั้น แล้วจะมีผลระยะยาว รวมทั้งการเล่นท่าอื่นๆ ในประเภทเดียวกันสำหรับคนที่อยากต่อยอดไปเล่นท่าโยคะยากๆ

จุดสังเกตคือ
  1. สะโพก ไม่มีการบิด หรือ เอียง และการ Split ขาแบบรูปที่ 8 ที่ถูกต้อง และถือว่าตัวอ่อนจริงๆ กางได้เยอะจริงต้องไม่มีการเอียงของสะโพกเลยแม้แต่องศาเดียว (ดูจากที่นักยิมนาสติกลีลาทำได้) ซึ่งยากมาก แต่ดูปลอดภัยกับร่างกายที่สุด เพราะแทบจะไม่มีการเบียด หรือทับโดนเส้นใดเลย (เมื่อกางได้แนวตรง ก็ไม่ต่างกับการเดินไง)
  2. หลัง ต้องเหยียดให้ตรงเสมอ และไหล่ เอว จนถึงสะโพกก็ไม่มีการบิด หลังตรงแล้วลงไปถึงได้แค่ไหนทำแค่นั้น ไม่ถึงพื้นก็หาอะไรมาค้ำ แนะนว่าหาซื้อบล็อกโยคะที่ Decathlon ได้ ไม่แพง และใช้แบบโฟมธรรรมดาก็พอแล้ว (ฝึกทุกวัน ไม่เกิน 3 สัปดาห์ก็แทบจะไม่ต้องใช้แล้ว)
ถ้าอยากทำได้ ให้ทำทุกวัน และไม่ฝืนท่าสุดท้าย ปล่อยลงตามธรรมชาติ ตามระยะเวลาการฝึก ไม่ถึงหาอะไรค้ำ

กลุ่มท่าที่ 2 และ 4

So DANGEROUS !!! หลัง ไม่ใช่เรื่องที่จะฝึกเอง ถ้าไม่รู้ว่ามีอะไรที่ต้องระวังบ้าง เพราะสิ่งที่ต้องระวัง มันไม่ได้อยู่ที่หลัง แต่มันอยู่ที่หน้าท้องต่างหาก... ท่าประเภทดัดหลัง ไม่ขอแนะนำ นอกจากฝึกเองตามที่เรียนมาก็ยังไม่ได้เยอะแล้ว ในชั่วโมงเรียนโยคะก็ไม่ใช่ว่าจะทำได้ถูกต้องตามหลักไปซะทุกครั้ง (ไม่งั้นป่านนี้เอาขามาเกี่ยวคอได้ไปแล้ว O_o !!) สาวๆ มาฝึกกันเอง ไม่ได้ผลก็ไม่แปลกอะไร... แต่ท่าพวกนี้ก็ไม่ได้บอกว่าไม่ได้ผลนะ เพราะมันเอาใว้ให้คนที่ตัวอ่อนอยู่แล้วฝึกเพื่อรักษาความยืดหยุ่นไว้มากกว่าจะเน้นการฝึกจาเริ่มต้น แน่นอนว่าท่า Scorpion หรือจากท่าตัวอย่างที่ทำสะพานโค้งแล้วยกขา สะโพกก็ต้องวางตรงเหมือนท่า Split ขาอันแรกเหมือนกัน...

กลุ่มท่าที่ 3 Bow and Arrow


จริงๆ แล้วเป็นท่า Side Split หรือยืดขาด้านข้าง และมันเป็นท่าของคนที่ทำได้แล้ว !!! เห็นแล้ว No Comment ค่ะ... ถ้ายืดได้ ทำจากท่านั่งจะง่ายกว่ายืน เพราะยืดแค่ฝั่งเดียว ถ้ายืนจะเท่ากับยืด 2 ข้างพร้อมกัน เค้าถึงให้ฝึกท่า Pegion บังคับสะโพกให้ตรงได้ก่อนที่จะไปทำ Split ... จบข่าว

ปิดท้าย สำหรับคนที่ชอบการออกกำลังแบบฝึกเอาเอง... ทางที่ดีควรไปเรียนเอาพื้นฐานที่ถูกต้องมาก่อน พร้อมกับหาข้อมูลให้ดี (เรียกว่าหาข้อมูลพอๆ กับเวลาที่ทำวิจัยได้ก็ปลอดภัยขึ้นอีกเยอะ 555) มั่นใจว่าได้ข้อมูลมาพอค่อยฝึกไปทีละขั้น ร่างกายต้องการเวลาปรับสภาพ และพัฒนา...

ส่วนแอดฯ... ไม่ชอบออกกำลังนะ แต่เล่นกีฬาเลย บางที... ไม่เจ็บก็ยังไม่หยุด หึหึหึ